ปัญหาของนักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์


ทำไมนักศึกษาที่เรียนจบมาจึงไม่สามารถเข้าทำงานที่ตรงสายงานตัวเองได้ ? เกิดอะไรขึ้น
จากประสบการณ์การศึกษาของตัวผมเองที่ผ่านมา จึงของแบ่งปัญหาออกเป็น สามส่วนด้วยกัน
ถ้าเรียงความสำคัญของปัญหาจากมากไปหาน้อย

  1. นักศึกษา
  2. อาจารย์
  3. อุปกรณ์
นักศึกษา ก็มีความหมายตรงตัวอยู่แล้วว่าต้องศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง เป็นพัฒนาการที่เปลี่ยนผ่านมาจาก "นักเรียน" ที่ต้องมีคุณครูคอยป้อนความรู้ให้อย่างเดียว และเหตุปัจจัยอื่น ๆ หลาย ๆด้านที่ทำให้นักศึกษายังหนีตัวเองไม่พ้นจากวัฒนธรรม "นักเรียน" แบบเดิม คือ เรียนแค่ในห้องเรียน ลอกการบ้านเพื่อน ลอกข้อสอบ มาสาย นั่นก็เป็นพฤติกรรม ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้การเรียนรู้ของตัวนักศึกษาเองไม่กว้าวหน้ามากนัก 

สภาพแวดล้อมทั่วไปที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียน  
การเปลี่ยนผ่าน การปรับตัว เท่าที่เห็นมาเพื่อน ๆ หลายคนยังไม่เคยออกจากบ้านมานอนที่หอพักด้วยซ้ำ การใช้ชวิตอยู่คนเดียว การจัดการตัวเอง การวางแผนที่ดี การคบเพื่อน หรือแฟน ปัจจัยพวกนี้ก็ส่งผลต่อระยะยาวในการศึกษาเล่าเรียนอย่างมาก 

คบเพื่อน หากโชคไม่ค่อยดีอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ไม่ค่อยเอาอะไร ไม่ตั้งใจเรียน หนีเที่ยว ดื่มเหล้าบ่อย ร้ายไปกว่านั้นคือเสพยา ติดเกมส์ อื่น ๆมากมาย โอกาสที่เรียนจบน้อยมากเลยทีเดียว หรือไม่ก็เรียนจบแบบถู ๆไถ ๆไป แล้วก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเมื่อเรียนจบไปแล้ว หากโชคดีมีเพื่อนที่ดี ตั้งใจเรียน เล่นบ้างเที่ยวบ้างแต่ไม่ทิ้งการเรียน คอยให้คำปรึกษา ช่วยกันทำงาน รวมกันเป็นกลุ่ม นักศึกษาเองก็มีโอกาสจบมากเลยทีเดียว และมีแนวโน้มที่เรียนจบมาแล้วจะได้งานทำที่ดีกว่า

คบแฟน จะต่างจากคบเพื่อนตรงที่เมื่อมีแฟนแล้วจะตีตัวออกห่างจากเพื่อนไปหาแฟน นั่นหมายความว่าคุณต้องทิ้งเพื่อนคุณ หลาย ๆ เรื่องจะกลายเป็นปัญหาในการเรียน ถ้าคุณไม่เก่งพอ หรือไม่ตั้งใจมากพอ คุณไม่อาจไปคนเดียวได้ในการเรียน เช่น ตอนเข้าเรียน เวลาเรียน ชั่วโมง หากมีเพื่อนที่สนิท ๆกันกลุ่มเดียวกันยังพอโทรถามกันได้ ว่าเรียนที่ไหน อาจารย์มาหรือเปล่า มีเรียนไหมวันนี้ หรือมีงานอะไร มากมายหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการเรียน แต่หากคบเพื่อนที่อยู่สาขาเดียวกันก็คงโชคดีหน่อย แต่ต่างสาขา คงลำบากขึ้นอีกเท่าตัว ถ้าจะมีแฟนก็จงจัดการตัวเองให้พอ อย่าเลือกเอาแค่แฟน หรือเพื่อนอย่างเดียว แบ่งเวลาไปหาเพื่อน หาแฟนบ้าง หลาย ๆคนเมื่อมีแฟนเวลาก็กลายเป็นของแฟนส่วนใหญ่ เวลาเรียนก็น้อยลง เวลาฝึกฝนตัวเองหลังเลิกเรียนก็น้อยลงไป มีเรื่องมากมาย มากกว่าการอยู่คนเดียว ถ้าเลือกจะมีแฟนก็ไม่ควรที่จะมาอยู่ด้วยกันแบบ "สามี ภรรยา" ควรอยู่แบบ "แฟน" กันจริง ๆมากกว่าเว้นระยะห่างเอาไว้


สภาพแวดล้อมโดยตรง
วิทยาการคอม ฯ เพื่อนหลาย ๆคนคิดผิดว่ามาเรียนแล้วจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ ชอบคอมฯ อยากจับคอม หลายคนคิดผิดว่า ไม่ต้องเขียนโปรแกรม เป็นวิชาอะไรที่มันง่าย ๆ เพื่อน ๆหลายคนบอกว่าคิดผิด เรียนด้วยกันไม่ถึงปีก็ย้ายไปเรียนสาขาวิชาอื่น ๆ บอกว่ายากมั่ง เรียนไม่เข้าใจมั่ง ไม่ชอบแล้ว ใจถอด ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ "ชอบ" เรียกว่า "คลั่ง" คอมพิวเตอร์เลยทีเดียว เลยไม่ยอมตัดใจ พื้นฐานของตัวเองก็มาแค่ 0 ผมเขียนโปรแกรมไม่ได้เลย ภาษาแรกที่เจอคือ ภาษา C++ เขียนด้วย turbo C งมมากช่วงเขียนแรก ๆ พิมพ์สัมผัสก็ไม่ได้ ผมเห็นเพื่อนอีกคนที่เขียนโปรแกรมได้เก่งทั้งห้องได้ยินแต่เสียงท่านกดแป้นคียร์บอร์ด ว้าว ๆ เนื่องด้วยมันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยง่ายนักจึงต้องมีการฝึกฝนตัวเอง และความรู้ของการเขียนโปรแกรมไม่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว มันคือการ "ลงมือทำ" ที่สำคัญคือต้องทำความเข้าใจมัน ไม่ใช่ว่า ศักย์แต่ว่าใช้เพียงอย่างเดียวไม่รู้ความหมายของมัน  หลาย ๆคนก็ใจร้อนอยากเก่งเร็วอยากเป็นเร็ว การฝึกฝนย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากของการเรียนวิชาการเขียนโปรแกรม ถ้าเรียนแบบ คอยให้เพื่อนทำให้ และ copy past จบแน่นอน แต่จบมาคุณจะไม่ได้อะไรเลย ทุกคนมีอินเตอร์เน็ตอยู่ในมือถือ มี google เป็นอาจารย์ ใช้ให้เป็นหากไม่เข้าใจ อย่าลืมต้องมีความฝันแน่นอนว่า " หากทำเหมือน คนอื่น ๆ คุณก็ได้ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ " จงมีความฝันที่จะก้าวไปข้างหน้า มองเห็นโอกาสมากกว่าปัญหา อย่าท้อ จบชอบในการแก้ BUG ของ CODE คุณจะได้ทำงานอย่างที่คุณตั้งใจแน่นอน




อาจารย์
พื้นฐานที่ดีก็มาจาก อาจารย์ที่ช่วยปูให้ อาจารย์หลาย ๆ ท่านก็มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่เก่ง สอนให้นักศึกษาเข้าใจง่ายไว ง่ายต่อการเรียนรู้ แต่เท่าที่เห็น เพราะเราเรียนแบบไม่เอาไปใช้งานจริง ๆ ไม่เอาของที่ทำขึ้นมาไปขายจริง ๆ การเรียนของเราจึงกลายเป็นแค่งานที่ส่งอาจารย์ ไม่อาจเป็นงานที่มือาชีพ ในโลกธุรกิจที่เขาทำขายกัน กระบวนการพัฒนาซอฟแวร์ที่เราเรียนรู้แค่ในห้องเขียนลงบนกระดาษ ขาดโคช ที่เป็นมืออาชีพจริง ๆ มาคอยแนะนำ ก็อาจจะใช่ว่าแค่พื้นฐานที่เราจะต้องเรียน แต่มันก็จะกลายเป็นปัญหาของตัวนักศึกษาเองภายภาคหน้าต้องมาเสียเวลาเรียนเรื่องเล่านี้ใหม่อีกรอบหนึ่ง เพราะว่าพื้นฐานไม่แน่ อาจารย์บางท่านก็มุ่งเรียนให้จบ แล้วก็มาสอนเลย ไม่เคยผ่านงานพัฒนาซอฟแวร์ มาจริง ๆ เคยรู้แต่ในหนังสือตำรา เวลามาสอนก็ยกจากตำรามาเลย ซึ่งแน่นอนว่า เทคโนโลยีมัน "ตกยุค" ไวมาก ๆเพราะว่าโลกเราเป็น "ดิจิตอล" ไปกันหมดแล้ว หลักสูตรที่แสนโบรราณ 

การเรียนแบบ "กวาด" หมายถึงเรียนให้เรียบ มีภาษาอะไร เทคโนโยลียุค โบราณอะไรก็เอามาให้เรียนหมด ทุกแขนง เรียนมาถึงปีสามแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไร แล้วจะ "ทำงานอะไร" มันแย่นะที่บังคับให้เรียนตั้งเยอะ บังคับต้องทำให้ได้พอไม่ได้ก็ให้ F D คำถามคือ เพื่อ ?  จริง ๆ น่าจะให้นักศึกษารู้ตัวเอง ตั้งแต่ปลายปีที่หนึ่งแล้ว ว่าชอบอะไร มีเวลาตั้งปีหนึ่งน่าจะพอแล้ว พื้นฐานสอนแค่ สามเรื่องพอ แล้วก็ยกเทคโนโลยี กับอาชีพมาให้นักศึกษาเลือกจะดีกว่าไหม ?  ดีกว่าไหมที่ต้องเรียนสลับไปสลับมา เหมือนกำลังจะเข้าใจ แล้วก็ทิ้งมันไป  หลักสูตรที่เรียนยังกะจะเอาไปทำวิทยานิพนธ์ มันก็ไม่น่ายากอะไร แค่ยกอาชีพขึ้นมาแล้ว ก็แค่รู้ว่าต้องเรียนอะไร  แค่แนะนำแล้วปล่อยให้นักศึกษามุ่งไปทางที่เขาเลือกที่จะเป็น ให้กำลังใจและสนับสนุน อาจจะเป็นเพราะข้อจำกัดของหลักสูตรการศึกษาไทย ต้องเรียนวิชาบังคับหลัก บังคับรอง เลือก ไม่ต่ำกว่า ในส่วนตัวผมคิดว่ามันดีบ้างส่วน แต่ส่วนมากที่เรียนมามัน "ไม่ได้ใช้ " กลายเป็นเรื่องที่เสียเวลา "รก" สมองที่ต้องมาจำอะไรที่ไม่ได้ใช้พวกนี้ แทนที่จะได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่อยากทำอยากเป็น อาจารย์หลาย ๆคนก็บอกว่าเรียนไว้มั่งเพื่อได้ใช้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจำเป็นกับชีวิตขนาดนั้นหรือเปล่า ? ในเมื่อเป็นการศึกษาระดับมหาลัยแล้ว ไม่ใช่ มัธยม หากมีการคัดกรองเลือกสรรค์ เอาวิชาที่คิดว่าจำเป็นจริง ๆมาสร้างหลักสูตร  นักศึกษาคงจะโชคดีไม่น้อย.

การถ่ายทอด จำได้ว่าเคยเขียนไปครั้งหนึ่งแล้ว อาจารย์เก่งจัดแต่ไม่สามารถถ่ายทอดให้นักศึกษาได้ แล้ว ..ก็ควรพิจรณาตัวเองแล้วกันครับ จะเก่งอยู่คนเดียว หรือว่าจะมาสอนนักศึกษาผู้ "ไม่รู้" จริง ๆ

อุปกรณ์
หากเรียน network แล้วทำได้แค่ติดตั้ง os คงไปทำมาหากินอะไรไม่ได้ เห็นแต่ภาพในแบบจำลองที่มโนขึ้นมา คำถามคือ ไปทำงานที่ไหนเขาจะรับ อยากเป็น network admin ต้องมีความรู้อะไร ใน Job requirement เขาก็เขียนไว้อยู่ ยังหลอกนักศึกษาได้ว่านี่คือ แขนง "network" เคยลงแต่ os config bla bla ... คือ เครื่องเซิฟเวอร์มันไม่ได้ stand alone น่ะครับ มันยังไม่ต่อพ่วงกับอันอื่นเยอะแยะ แล้วไม่เคยมีให้ลองทำจริง หยิบจับมันจริง ๆ มันจะทำได้หรือ อย่างเก่งก็มีแต่ slide ที่อาจารย์ให้ดู พาไปดูงาน คือ อาจารย์คงคิดว่า ถ้าไปดูเซิฟเวอร์ใหญ่ ๆแล้วนักศึกษาจะเก่งขึ้นมาเลยทีเดียว ไปฝึกงานก็มีแต่ไปให้เขาด่าไม่ก็เขาคงไม่กล้าให้ทำอะไรเลย ---  แขนงอื่น ๆไม่กล่าวถึง เพราะใช้คอมตัวเดียวก็น่าจะพอ หรืออุปกรณ์สามารถหาซื้อเองได้ 


นั่นคือภาพเมื่อหลายปีก่อนที่ผมผ่านมา ทุกวันนี้อาจดีขึ้นแล้วก็ได้ การวิจารณ์ เสนอแง่คิดอีกมุมหนึ่ง มันคงจะดีไม่น้อยหากมีคนรับฟังแล้วนำไปพิจารณา ว่าควรปรับเปลี่ยนอะไร เราจะทำเพื่อ "ตัวเอง" หรือ คนอื่น เราย่อมเลือกได้ ทุกวันนี้อาจจะดีขึ้นมากแล้วก็เป็นได้ --/*


สมัคร ชัยสงวน 
27/02/2015



















Share on Google Plus

About maxcom

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น