ทำไม่ต้องมีประสบการณ์ ? ประสบการณ์ในมโน


น้องๆ หลาย ๆคนที่เรียนจบมาใหม่ แน่ ๆว่าตอนนี้ก็รีบหางานเพื่อส่งหนี้กยศกัน หรือส่งเสียทางบ้านและอื่น ๆประเด็นหลักเพื่อหาเงินนั่นเอง สมัยที่ผมเองจบใหม่ ๆช่วงในช่วงเดือนเมษายน มันอยู่ในระหว่างการตัดสินใจเรื่อง "ไปเป็นทหาร" กับ "การหางานทำงานก่อน" ก่อนหน้านั้นคือตัดสินใจไว้แน่วแน่ว่าจะต้องไปเกณฑ์ทหารให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ถ้าเกิดติดก็จะได้เป็นให้เบร็ดเสร็ดหรือไม่ติดค่อยไปหาสมัครงาน  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันผมก็เกิดขึ้นเมื่อมีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผม กริ่ง ๆๆๆ เรียกตัวผมไปสัมภาษณ์งาน ณ ช่วงตอนกลางวัน ของวันนั้น ผมนอนเล่นเน็ตอยู่ นึกอะไรอยู่ไม่รู้เลยลองสมัครงานออนไลน์ดู นำ resume มา modify ใหม่จากที่เคยส่งไปขอฝึกประสบการณ์ เว็บที่ผมหางานคือ JOBTH ผมก็ส่งไปเรื่อย ๆไม่ได้หวังอะไร แต่มันเกินที่ผมคาด คือมีคนโทรมาให้ผมไปสัมภาษณ์งานทั้งหมด 7 ที่ด้วยกัน แหละแล้วความกดดันก็เข้ามาเอาไงดีว่ะสำหรับวันพรุ่งนี้ "จับ" หรือว่า "ผ่อนผัน" ดีว่ะ สุดท้ายเพื่อนผม จับใบดำใบแดง ผมผ่อนผัน แต่โชคดีของเพื่อนผมที่ไม่ติดทหาร ผมก็รอดตัวไปอีกปี แล้วก็เดินทางเข้ามาเมืองกรุงเพื่อสัมภาษณ์งาน .....................

ประสบการณ์คืออะไร 

  • ความรู้ความเข้าใจในหน้าที่การงานของตัวเองที่ได้รับผิดชอบ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญ
  • เปรียบเหมือนเราได้เห็นภาพถ่ายเหมือนกับการเรียนของเรา เราสามารถเห็นและอธิบายได้ว่ามันเป็นภาพอะไร อยู่ที่ไหน ทำนองนี้ แต่ประสบการณ์คือการเดินทางไปสถานที่นั้นในภาพจริง ๆ เราจะรู้ว่า อากาศมันร้อนเย็นอย่างไร ฝนตกไหม ดินเป็นอย่างไร คนเยอะไหม นั่นคือเราจะเข้าใจภาพเชิงลึก ๆๆ มาก ๆแล้วแต่ประสบพบเจอของเราว่าเยอะแค่ไหน การเรียนเหมือนการดูภาพ แต่ประสบการณ์เหมือนการเดินทางไปยังสถานที่ที่อยู่ในภาพนั่นเอง

ประสบการณ์มีประโยชน์อะไร

  • ช่วยในการแก้ปัญหาที่ " เคย" ประสบมากับตัวของเราเอง ถ้า"เคย"เจอมาแล้วมันก็จะกลายเป็นประสบการณ์นั่นเอง แน่นอนว่าปัญหาที่เราเคยเจอย่อมทำให้เราแก้ได้ง่าย แต่สิ่งที่เรายังไม่เคยเจอเราต้องมีสิ่งที่เรียกว่า "เรียนรู้" ทำความเข้าใจ เหมือนกันกับ เราหัดบวกเลขใหม่ ๆ สมัยเรียนมัธยม
  • ความสัมพันธ์กับองค์กร แน่นอนว่ามีประสบการณ์แสดงว่า"คุณ" เคย ๆๆ เป็น อยู่ คือ " กับสถานที่นี้มาก่อน ทำให้คุณมีความมั่นใจและเข้าองค์การและบุคคลากรว่ามีนิสัยใจคออย่างไร หรืออาจจะนำไป ปรับใช้กับองค์กรที่คุณคิดว่าจะไปอยู่ใหม่ แบบว่า เคยเจอประสบการณ์ที่โหดร้ายกดดัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณ ๆ หรือผมเองไม่ชอบ แต่สามารถรับมือกับมันได้ มันก็เป็นเครื่องมือการรันตีให้คุณได้ว่า คุณจะสามารถทำให้เขาได้ด้วยสภาพแวดล้อมอะไรก็แล้วแต่ 
  • การันตีว่าคุณจะสามารถ ทำงาน แก้ปัญหา ให้กับองค์กรได้ แน่นอนว่าถ้าคุณเคยทำงานอย่างนี้แบบเอาไปขายไม่ใช่เอาไปส่งอาจารย์หรือตรวจครู เพราะงานตรวจอาจารย์ก็แค่ทำส่งแล้วเสร็ด อาจมีคอมเมนท์บ้าง มันต่างกันกับการทำงานส่งบริษัท เพราะถ้าทำไม่ได้ ไม่ทัน มันเกี่ยวข้องกับ เงิน เงิน เงิน ซึ่งมันก็โยงมาถึงการจ้างคุณเข้าทำงานว่า ที่คุณมาทำงานนี้มันช่วยบริษัทได้หรือเปล่า อะไรละที่เป็นเครื่องหมายรับรอง ว่าคุณทำงานอย่างนี้ แบบนี้ ได้น่ะ นั่นแหละก็คือประสบการณ์
  • สร้างสมมุติฐานในการแก้ปัญหาได้โดยไว ผมเรียนอีกอย่างคือการ "เดา"ทางออกของสิ่งที่พบ เห้ยมันน่าจะเป็นอย่างนี้น่ะ ด้วยประสบการณ์ของคุณเองอะไรทำนองนี้ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์มันก็ยากหน่อย บางทีอาจทำให้คุณเดาทางไม่ออกเลยว่ามันจะไปทางไหนอะไร ยังไง ?
  • ทำให้เรื่องที่เรียนมากลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ๆ ง่ายขึ้น ๆ และง่ายขึ้น มันจะส่งผมให้คุณเห็นภาพที่ตอนเรียนมันดูแบบว่า "งง" มึน อะไรกัน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ปล.อาจจะเป็นแค่บางเรื่องที่คุณสนใจมันเท่านั้นน่ะ ที่คุณจะกระจ่างตอนทำงาน
  • มีความน่าเชื่อถือในตัวคุณมากขึ้น ตอนนี้ประการณ์กลายเป็น Skill Experience เวลาโดนถามเรื่องอะไรคุณก็ตอบได้หมดหรือได้บ้าง แล้วแต่ความกระตือรือล้นกับการเรียนรู้ที่สะสมมา
สรุป
ผมว่าจริงแล้วประสบการณ์ทำให้เราเข้าใจเข้าถึง ปัญหา การรับมือ รุก หรือ รับ อะไรก็แล้วแต่ การเรียนเหมือนกับเรียนหลักการ แต่การทำงานบางทีมันเหนือจากหลักการ หรือมันไม่เหมือนหลักการ หรือเหมือน ประสบการณ์มันทำให้เราเข้าใจปัญหาและแก้มันได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำเราเจอมันอยู่เนือง ๆ เหมือนกับวิศวะกร เถึยงกันกับคนขับเครื่องบินที่ติดอยู่บนหิมะ  จริงแล้วการเรียนที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการสอนวิธีการหาคำตอบด้วยเองมากกว่า การสอนวิธีหาคำตอบ ที่ครูคิดมาแล้ว ฟังแล้ว งง ๆ อีกรอบ การเรียนที่ดีสุด " คือทำยังไงถึงจะบอกได้ว่า ครูคนนี้เอาวิธีทำมายังไงมาสอน เอาความรู้ยังไง สรุปการทำยังไง" คือสอนวิธีของครูนั่นเอง

สุดท้าย 
ให้กำลังใจน้อง ๆที่กำลังเรียนจบใหม่ ๆ ที่กำลังวิ่งหาความฝันกำลังบากปั่นวิ่งสมัครงาน จงสู้ต่อไปอย่ายอมแพ้ ก้าวแรกมันลำบากหน่อย เหนื่อยหน่อย ได้น้อยหน่อย แต่ก็อดทน เพราะว่ามันเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการทำงาน ถ้าไม่มีก้าวแรกก็ไม่มีก้าวต่อไป เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนจะต้องเติบโตไปข้างหน้าไม่ย่ำอยู่กับที่ ขอให้มีโอกาสดี ๆในการทำงาน วันหนึ่งถ้าเราเติบโต ก้าวที่ สอง สาม สี่  ห้า .. ค่อยคิดเอา ว่าชีวิตเราเลือกได้แล้วตอนนั้น ตอนนี้ให้เป็นตัวเลือกไปก่อน แล้วกัน .
ปล. ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย
Share on Google Plus

About maxcom

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น